เขียนบล็อกทำไม ตอบ!
เขียนบล็อกทำไม คำถามนี้ต้องมีและต้องตอบตัวเองให้ได้ เขียนบล็อกไปทำไม?...เออนั่นสิ เขียนทำไม?...เขียนแล้วได้อะไร?...ใครจะมาอ่าน...อยากดังเหรอหรือว่าจะขายของและอาจมีอีกหลายเหตุผลที่คนเขียนบล็อกผ่านการตอบคำถามกับตัวเองมาแล้วทั้งสิ้น ส่วนตัวแล้วดิฉันไม่เคยถามตัวเองหรอกว่าจะเขียนบล็อกไปทำไม แต่ดิฉันจะถามตัวเองว่าอยากทำอะไร ทำแล้วมีความสุขไหม ถ้าทำแล้วมีความสุขก็นั่นแหละคือคำตอบ
การเขียนทุกชนิดช่วยพัฒนาทักษะความคิด การทบทวนความทรงจำ การใช้คำ การเขียนจะพัฒนาขึ้นทุกครั้งที่เราฝึกเขียนและการเขียนคืองานสร้างสรรค์อย่างหนึ่ง เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะ เพราะฉะนั้นหลายคนจึงยังกังวลว่าจะเขียนอย่างไรให้สำนวนดี เขียนอย่างไรให้ผู้อ่านชื่นชอบ เขียนอย่างไรให้สนุกและน่าติดตาม...เอาล่ะเบรกกันตรงนี้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งคิดฟุ้งซ่านไปไกลว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบงานของเรา ให้ลงมือเขียนก่อนแล้วค่อยๆปรับปรุงค่อยๆพัฒนาการเขียนหรือสำนวนต่างๆต่อไปได้ และความชอบเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ควรวิตกจริตจนเกินไป อย่างงานเขียนเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์ก็เป็นงานเขียนที่โด่งดังชิ้นหนึ่งแต่ก็ยังมีคนที่ไม่ชอบอ่านหรืออ่านแล้วอาจรู้สึกไม่สนุกซึ่งมันคือความชอบส่วนบุคคล อย่าลืมว่าคนเรามักจะอ่านเฉพาะสิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น ถ้าเราไม่มีความสนใจเราก็จะไม่อ่านไม่เสพเป็นเรื่องธรรมดา
คอนเทนต์ที่มีประโยชน์และมีคุณภาพคือการเขียนที่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้ผู้คนได้ เช่น ช่วยคลายความสงสัยไขข้อข้องใจ ช่วยพัฒนาความคิดจิตใจหรือแง่คิดต่างๆ ช่วยพัฒนาสุขภาพร่างกาย ช่วยพัฒนาเงินในกระเป๋าให้เพิ่มขึ้น กล่าวคือเมื่ออ่านแล้วสามารถนำไปคิดต่อเพื่อพัฒนาตัวเองได้ อ่านแล้วนำไปเป็นแนวทางลงมือปฏิบัติตามได้ ในยุคที่ระบบอินเตอร์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันข้อมูลที่มีคุณค่าจึงมีประโยชน์และความสำคัญเนื่องจากเป็นแหล่งเชื่อมโยงและสนับสนุนเว็บที่คุณสร้างขึ้น การสร้างข้อมูลที่สนับสนุนให้กับเว็บคุณถูกค้นหาได้ง่ายขึ้นผ่านเครื่องมือการค้นหาที่เรียกว่า SEO หรือ search engine optimizer คอนเทนต์ทีมีประโยชน์และมีคุณภาพยังเป็นที่ต้องการอีกมาก ข้อมูลทำให้คนในยุคนี้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น แชร์ข่าวสารได้ง่ายขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น อยู่ไกลแค่ไหนก็สามารถเห็นหน้ากันคุยกันข้ามโลกได้แบบเรียลไทม์ ข้อมูลทำให้คนแสดงความคิดเห็นได้ง่ายขึ้น ดราม่ากับเรื่องคนอื่นง่ายขึ้น รวมทั้งถูกชักจูงได้ง่ายขึ้น ด่าว่าคนอื่นเกลียดชังคนอื่นได้ง่ายขึ้น ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ ผู้รับข่าวสารเองควรต้องรู้จักวิเคราะห์และกลั่นกรองข้อมูลก่อนจะรีบร้อนตัดสิน
ปัญหาของผู้ที่ยังไม่เริ่มเขียนบล็อกส่วนใหญ่ ได้แก่
-ไม่รู้จะเขียนอะไร เขียนไม่ออก อธิบายไม่เก่ง กลัวสำนวนการเขียนไม่ดี
-ไม่มีเวลาเขียน เมื่อตั้งใจจะทำจริงๆเราจะแบ่งเวลาให้มันได้เสมอ ถ้าเราไม่มีเวลาให้ก็แปลว่ามันยังไม่สำคัญพอ เราก็อาจจะเขียนเพื่อเป็นงานอดิเรกก่อนก็ได้
-เขียนแล้วไม่ได้เงิน เสียเวลา บางอย่างมันไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยเงินทุกครั้งไปหรอก ลองดูก่อนสิ
-เขียนทิ้ง เขียนขว้างไม่สม่ำเสมอ ผีเข้าผีออก ไม่ควรเขียนทุกอย่างตามอารมณ์ ควรเขียนทุกอย่างตาม วินัย เช่น จะเขียนเดือนละครั้ง(ซึ่งมันน้อยมากนะถ้าคุณเขียนเป็นงานประจำ)
เขียนทุกสัปดาห์หรือสองสามบทต่อสัปดาห์ หรือเขียนบทความทุกวันได้ก็ยิ่งดี
-เขียนแล้วกลัวว่าไม่มีคนอ่าน ถ้ายังเขียนไม่ถึงหนึ่งพันบล็อกอย่าเพิ่งกลัว นักเขียนที่เก่งๆ เขียนบทความสม่ำเสมอและมีคุณภาพ มีบทความอย่างน้อย100-200บทความ ก็มีคนติดตามอ่านแล้วนะ ซึ่งต้องแยกด้วยนะว่าเราเขียนบทความประเภทไหน แนวตลาดหรือเฉพาะทางไหม กลุ่มผู้อ่านก็จะต่างกันไป บางบล็อกถึงไม่มีใครอ่านเลยก็ยังคงเขียนต่อไปเพราะใจรัก
มาถึงคำถามต่อไปกันดีกว่า
จะเขียนยังไงให้ติดหน้าหนึ่ง? คำถามยอดนิยมที่มักถามกัน แต่เราอยากให้เปลี่ยนมาถามว่าการที่เราจะเป็นcontentที่มีคุณภาพน่ะเขาทำกันอย่างไร?
การทำบทความที่มีคุณภาพและมีSEOที่ดีคือการทำเหมือนไม่ได้ทำ คุณภาพจะเป็นตัวชี้วัดความมีคุณค่าของบทความนั้น คอนเทนต์มาเกตติ้งกับยุค 4G ง่ายในการเข้าถึงผู้คน และส่งไปตรงจุดเป้าหมาย เพราะใช้การค้นข้อมูลผ่านแทปเลต มือถือ อ่านหนังสือออนไลน์ เข้าห้องสมุดออนไลน์ได้ทั่วโลก ยิ่งถ้าหากคุณใช้ภาษาอังกฤษได้ดีคุณจะมีโอกาสเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ให้ประโยชน์พร้อมเปิดกว้างรอให้คุณไปค้นหาและเรียนรู้ได้ตลอด24ชั่วโมง เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต หลายสิ่งในอดีตเราไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ในปัจจุบันเราอยากรู้อะไรสามารถค้นหาได้ทันที
Google ชอบอะไรที่เป็นต้นกำเนิดเป็นOriginalและหลงใหลในข้อมูลเชิงลึกทุกประเภท ถ้าเรารู้ลึกรู้จริง รู้รอบด้านในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรืออาจจะหลายๆเรื่องก็จะเป็นประโยชน์มากในการพัฒนาการเขียนหรือเว็บไซต์ เพราะฉะนั้น...
จงเขียนในสิ่งที่สดใหม่
จะเขียนในสิ่งที่มีคนอื่นเขียนแล้วก็ได้ แต่ควรเป็นสำนวนของเราเองและเขียนออกมาจากความเข้าใจของเราได้ก็จะยิ่งดีเพราะสามารถสื่ออารมณ์ความรู้สึกไปถึงผู้อ่านได้
เขียนวิธีการHow toต่างๆที่คุณเชี่ยวชาญ เช่น วิธีการยังชีพในป่า
ส่วนเทคนิควิธีการเขียน การพัฒนาเติมแต่งหน้าตาของเว็บก็มีเพียบพร้อมให้คุณศึกษาด้วยตัวเองได้อยู่แล้วเพียงแค่คลิกGoogleในช่องค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดเฉพาะ
ทุกบล็อกที่เขียนควรมีเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเขียนเพื่ออะไร การเขียนจะแสดงถึงCharacterของเว็บและตัวของผู้เขียนเองด้วยส่วนหนึ่ง เช่น เราบ้าเกมส์ทุกชนิด ฉะนั้นเราจึงทำเว็บเฉพาะทางเกี่ยวกับเกมส์ หรือเราอาจจะเป็นติ่งเกาหลีเราก็ทำเว็บเกี่ยวกับเรื่องที่เราบ้า หรือเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ คือจะเป็นแนวไลฟ์สไตล์หรือแนวเฉพาะทางก็ได้ทั้งนั้น
ข้อมูลดีและมีประโยชน์เราสามารถหาได้จาก การอ่าน การฟัง การสังเกต การได้ลงมือทำ ประสบการณ์ รายงานการวิจัยต่างๆ
ตัวอย่างบล็อกที่เราอยากเขียน อาทิ เช่น:
เขียนเพื่อโปรโมทผลงานตัวเอง แสดงความคิดเห็น แบ่งปันและแชร์ข้อมูล บันทึกเรื่องที่สนใจ
เขียนเพื่อการให้ข่าวสารข้อมูล
เขียนเพื่อรีวิวสินค้าในกรณีทำธุรกิจส่วนตัว
เขียนเพื่อรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว หรือนำเสนอการเที่ยวแนวที่ตัวเองชื่นชอบ
เขียนเพื่อโปรโมทร้านแจ้งข้อมูลข่าวสารกับลูกค้า
เขียนเพื่อสอนภาษา
เขียนเพื่อสอนอาชีพ
เขียนเพื่อให้คำปรึกษา เขียนเพื่อเตือนภัยและเขียนเพื่ออีกหลายเหตุผลฯลฯ
บล็อกที่นิยมในไทย แบ่งเป็น 6 ประเภท ได้แก่
1.บล็อกด้านความสวยงาม
2.บล็อกด้านเทคโนโลยี
3.บล็อกด้านการท่องเที่ยว
4.บล็อกด้านอสังหาริมทรัพย์
5.บล็อกด้านไลฟ์สไตล์
6.บล็อกด้านสุขภาพ
ข้อควรระวังหรือมารยาทในการเขียนบล็อกคือ
1.ไม่กล่าวถึงบุคคลอื่นในทางเสื่อมเสีย
2.เขียนด้วยความคิดเห็นที่เป็นกลางในสินค้าและบริการ แต่หากบทไหนเป็นการเขียนแสดงความคิดเห็นส่วนตัวควรแจ้งเอาไว้ด้วย
3.ตรงไปตรงมา เช่น บทนี้รับรีวิวสินค้าจากผู้สนับสนุนก็ควรแจ้งตรงๆไปเลยจะแสดงถึงความจริงใจต่อผู้รับข่าวสารมากกว่า
4.ไม่ควรCopy บทความ กรณีแหล่งข้อมูลไม่ใช่ภาษาไทย ในการแปลควรเรียบเรียงเป็นคำพูดของตัวเอง ส่วนใครที่ไป copy paste ข้อมูลที่คนอื่นเขาแปลไว้แล้วเอาไปลงเว็บตัวเองแบบนี้เรียกว่า copy งานการทำแบบนี้เสี่ยงต่อการละเมิดและเว็บที่เราเขียนจะติดอันดับระบบการค้นหาของGoogleยากนะ เพราะอากู๋จะมองว่าเราทำตัวไม่น่ารัก
5.การใช้ภาษาควรถูกต้องเหมาะสม
แล้วดิฉันล่ะเขียนบล็อกทำไม?
เขียนเพื่อบันทึกเรื่องที่สนใจและนำเสนอหนังสืออินดี้
บางสิ่งที่เราได้ฟัง เราจะนำมาขบคิด
บางสิ่งที่เราได้อ่าน เราจะนำมาวิเคราะห์
บางสิ่งที่เราได้เห็น เราจะเริ่มมีความเชื่อ
บางสิ่งที่เราได้ทำ เราจะเริ่มมีความเข้าใจ
บางสิ่งที่เราทำอย่างได้ต่อเนื่อง เราจะรักมัน
บทความโดย:แก้วเกตุมณี@fitandfirmfamily
แก้ไขอัพเดทบทความ วันที่ มิถุนายน 02,2561
free photo by pixabay.com
จากการสำรวจบล็อกเกอร์มืออาชีพของต่างประเทศมักจะบอกตรงกันว่า ควรเขียนทุกวันและสม่ำเสมอ(แต่ควรเป็นcontentที่มีคุณภาพ) ขีดเส้นใต้คำว่าคุณภาพ คือเอาจริงว่า คนธรรมดาทั่วไปอย่างเราอ่ะมักจะคิดว่าจะเขียนอะไรวะ ทุกวันและต้องมีประโยชน์อีกด้วยนะ! ทำตัวให้เป็นประโยชน์ โอ้ยย รู้สึกไม่ชิน😭 คือต้องมันต้องGeekขนาดไหนถึงเขียนทุกวันได้และต้องมีประโยชน์ด้วยนะ ไม่มีประโยชน์ก็ขยะออนไลน์ดีๆนี่เอง เขียนไปเขียนมาเริ่มรู้สึกว่าเอ๊ะ นี่ตูจะเป็นขยะหรือเปล่า เอาล่ะ...ไม่เป็นไรนะถ้าเป็น เราจะเป็นขยะรีไซเคลที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้และช่วยดูแลโลกด้วยจ้า(ทุ่งลาเวนเดอร์สวยนะ)😂การเขียนทุกชนิดช่วยพัฒนาทักษะความคิด การทบทวนความทรงจำ การใช้คำ การเขียนจะพัฒนาขึ้นทุกครั้งที่เราฝึกเขียนและการเขียนคืองานสร้างสรรค์อย่างหนึ่ง เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะ เพราะฉะนั้นหลายคนจึงยังกังวลว่าจะเขียนอย่างไรให้สำนวนดี เขียนอย่างไรให้ผู้อ่านชื่นชอบ เขียนอย่างไรให้สนุกและน่าติดตาม...เอาล่ะเบรกกันตรงนี้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งคิดฟุ้งซ่านไปไกลว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบงานของเรา ให้ลงมือเขียนก่อนแล้วค่อยๆปรับปรุงค่อยๆพัฒนาการเขียนหรือสำนวนต่างๆต่อไปได้ และความชอบเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ควรวิตกจริตจนเกินไป อย่างงานเขียนเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์ก็เป็นงานเขียนที่โด่งดังชิ้นหนึ่งแต่ก็ยังมีคนที่ไม่ชอบอ่านหรืออ่านแล้วอาจรู้สึกไม่สนุกซึ่งมันคือความชอบส่วนบุคคล อย่าลืมว่าคนเรามักจะอ่านเฉพาะสิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น ถ้าเราไม่มีความสนใจเราก็จะไม่อ่านไม่เสพเป็นเรื่องธรรมดา
คอนเทนต์ที่มีประโยชน์และมีคุณภาพคือการเขียนที่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้ผู้คนได้ เช่น ช่วยคลายความสงสัยไขข้อข้องใจ ช่วยพัฒนาความคิดจิตใจหรือแง่คิดต่างๆ ช่วยพัฒนาสุขภาพร่างกาย ช่วยพัฒนาเงินในกระเป๋าให้เพิ่มขึ้น กล่าวคือเมื่ออ่านแล้วสามารถนำไปคิดต่อเพื่อพัฒนาตัวเองได้ อ่านแล้วนำไปเป็นแนวทางลงมือปฏิบัติตามได้ ในยุคที่ระบบอินเตอร์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันข้อมูลที่มีคุณค่าจึงมีประโยชน์และความสำคัญเนื่องจากเป็นแหล่งเชื่อมโยงและสนับสนุนเว็บที่คุณสร้างขึ้น การสร้างข้อมูลที่สนับสนุนให้กับเว็บคุณถูกค้นหาได้ง่ายขึ้นผ่านเครื่องมือการค้นหาที่เรียกว่า SEO หรือ search engine optimizer คอนเทนต์ทีมีประโยชน์และมีคุณภาพยังเป็นที่ต้องการอีกมาก ข้อมูลทำให้คนในยุคนี้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น แชร์ข่าวสารได้ง่ายขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น อยู่ไกลแค่ไหนก็สามารถเห็นหน้ากันคุยกันข้ามโลกได้แบบเรียลไทม์ ข้อมูลทำให้คนแสดงความคิดเห็นได้ง่ายขึ้น ดราม่ากับเรื่องคนอื่นง่ายขึ้น รวมทั้งถูกชักจูงได้ง่ายขึ้น ด่าว่าคนอื่นเกลียดชังคนอื่นได้ง่ายขึ้น ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ ผู้รับข่าวสารเองควรต้องรู้จักวิเคราะห์และกลั่นกรองข้อมูลก่อนจะรีบร้อนตัดสิน
ปัญหาของผู้ที่ยังไม่เริ่มเขียนบล็อกส่วนใหญ่ ได้แก่
-ไม่รู้จะเขียนอะไร เขียนไม่ออก อธิบายไม่เก่ง กลัวสำนวนการเขียนไม่ดี
-ไม่มีเวลาเขียน เมื่อตั้งใจจะทำจริงๆเราจะแบ่งเวลาให้มันได้เสมอ ถ้าเราไม่มีเวลาให้ก็แปลว่ามันยังไม่สำคัญพอ เราก็อาจจะเขียนเพื่อเป็นงานอดิเรกก่อนก็ได้
-เขียนแล้วไม่ได้เงิน เสียเวลา บางอย่างมันไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยเงินทุกครั้งไปหรอก ลองดูก่อนสิ
-เขียนทิ้ง เขียนขว้างไม่สม่ำเสมอ ผีเข้าผีออก ไม่ควรเขียนทุกอย่างตามอารมณ์ ควรเขียนทุกอย่างตาม วินัย เช่น จะเขียนเดือนละครั้ง(ซึ่งมันน้อยมากนะถ้าคุณเขียนเป็นงานประจำ)
เขียนทุกสัปดาห์หรือสองสามบทต่อสัปดาห์ หรือเขียนบทความทุกวันได้ก็ยิ่งดี
-เขียนแล้วกลัวว่าไม่มีคนอ่าน ถ้ายังเขียนไม่ถึงหนึ่งพันบล็อกอย่าเพิ่งกลัว นักเขียนที่เก่งๆ เขียนบทความสม่ำเสมอและมีคุณภาพ มีบทความอย่างน้อย100-200บทความ ก็มีคนติดตามอ่านแล้วนะ ซึ่งต้องแยกด้วยนะว่าเราเขียนบทความประเภทไหน แนวตลาดหรือเฉพาะทางไหม กลุ่มผู้อ่านก็จะต่างกันไป บางบล็อกถึงไม่มีใครอ่านเลยก็ยังคงเขียนต่อไปเพราะใจรัก
มาถึงคำถามต่อไปกันดีกว่า
จะเขียนยังไงให้ติดหน้าหนึ่ง? คำถามยอดนิยมที่มักถามกัน แต่เราอยากให้เปลี่ยนมาถามว่าการที่เราจะเป็นcontentที่มีคุณภาพน่ะเขาทำกันอย่างไร?
การทำบทความที่มีคุณภาพและมีSEOที่ดีคือการทำเหมือนไม่ได้ทำ คุณภาพจะเป็นตัวชี้วัดความมีคุณค่าของบทความนั้น คอนเทนต์มาเกตติ้งกับยุค 4G ง่ายในการเข้าถึงผู้คน และส่งไปตรงจุดเป้าหมาย เพราะใช้การค้นข้อมูลผ่านแทปเลต มือถือ อ่านหนังสือออนไลน์ เข้าห้องสมุดออนไลน์ได้ทั่วโลก ยิ่งถ้าหากคุณใช้ภาษาอังกฤษได้ดีคุณจะมีโอกาสเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ให้ประโยชน์พร้อมเปิดกว้างรอให้คุณไปค้นหาและเรียนรู้ได้ตลอด24ชั่วโมง เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต หลายสิ่งในอดีตเราไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ในปัจจุบันเราอยากรู้อะไรสามารถค้นหาได้ทันที
Google ชอบอะไรที่เป็นต้นกำเนิดเป็นOriginalและหลงใหลในข้อมูลเชิงลึกทุกประเภท ถ้าเรารู้ลึกรู้จริง รู้รอบด้านในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรืออาจจะหลายๆเรื่องก็จะเป็นประโยชน์มากในการพัฒนาการเขียนหรือเว็บไซต์ เพราะฉะนั้น...
จงเขียนในสิ่งที่สดใหม่
จะเขียนในสิ่งที่มีคนอื่นเขียนแล้วก็ได้ แต่ควรเป็นสำนวนของเราเองและเขียนออกมาจากความเข้าใจของเราได้ก็จะยิ่งดีเพราะสามารถสื่ออารมณ์ความรู้สึกไปถึงผู้อ่านได้
เขียนวิธีการHow toต่างๆที่คุณเชี่ยวชาญ เช่น วิธีการยังชีพในป่า
ส่วนเทคนิควิธีการเขียน การพัฒนาเติมแต่งหน้าตาของเว็บก็มีเพียบพร้อมให้คุณศึกษาด้วยตัวเองได้อยู่แล้วเพียงแค่คลิกGoogleในช่องค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดเฉพาะ
ทุกบล็อกที่เขียนควรมีเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเขียนเพื่ออะไร การเขียนจะแสดงถึงCharacterของเว็บและตัวของผู้เขียนเองด้วยส่วนหนึ่ง เช่น เราบ้าเกมส์ทุกชนิด ฉะนั้นเราจึงทำเว็บเฉพาะทางเกี่ยวกับเกมส์ หรือเราอาจจะเป็นติ่งเกาหลีเราก็ทำเว็บเกี่ยวกับเรื่องที่เราบ้า หรือเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ คือจะเป็นแนวไลฟ์สไตล์หรือแนวเฉพาะทางก็ได้ทั้งนั้น
ข้อมูลดีและมีประโยชน์เราสามารถหาได้จาก การอ่าน การฟัง การสังเกต การได้ลงมือทำ ประสบการณ์ รายงานการวิจัยต่างๆ
ตัวอย่างบล็อกที่เราอยากเขียน อาทิ เช่น:
เขียนเพื่อโปรโมทผลงานตัวเอง แสดงความคิดเห็น แบ่งปันและแชร์ข้อมูล บันทึกเรื่องที่สนใจ
เขียนเพื่อการให้ข่าวสารข้อมูล
เขียนเพื่อรีวิวสินค้าในกรณีทำธุรกิจส่วนตัว
เขียนเพื่อรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว หรือนำเสนอการเที่ยวแนวที่ตัวเองชื่นชอบ
เขียนเพื่อโปรโมทร้านแจ้งข้อมูลข่าวสารกับลูกค้า
เขียนเพื่อสอนภาษา
เขียนเพื่อสอนอาชีพ
เขียนเพื่อให้คำปรึกษา เขียนเพื่อเตือนภัยและเขียนเพื่ออีกหลายเหตุผลฯลฯ
บล็อกที่นิยมในไทย แบ่งเป็น 6 ประเภท ได้แก่
1.บล็อกด้านความสวยงาม
2.บล็อกด้านเทคโนโลยี
3.บล็อกด้านการท่องเที่ยว
4.บล็อกด้านอสังหาริมทรัพย์
5.บล็อกด้านไลฟ์สไตล์
6.บล็อกด้านสุขภาพ
ข้อควรระวังหรือมารยาทในการเขียนบล็อกคือ
1.ไม่กล่าวถึงบุคคลอื่นในทางเสื่อมเสีย
2.เขียนด้วยความคิดเห็นที่เป็นกลางในสินค้าและบริการ แต่หากบทไหนเป็นการเขียนแสดงความคิดเห็นส่วนตัวควรแจ้งเอาไว้ด้วย
3.ตรงไปตรงมา เช่น บทนี้รับรีวิวสินค้าจากผู้สนับสนุนก็ควรแจ้งตรงๆไปเลยจะแสดงถึงความจริงใจต่อผู้รับข่าวสารมากกว่า
4.ไม่ควรCopy บทความ กรณีแหล่งข้อมูลไม่ใช่ภาษาไทย ในการแปลควรเรียบเรียงเป็นคำพูดของตัวเอง ส่วนใครที่ไป copy paste ข้อมูลที่คนอื่นเขาแปลไว้แล้วเอาไปลงเว็บตัวเองแบบนี้เรียกว่า copy งานการทำแบบนี้เสี่ยงต่อการละเมิดและเว็บที่เราเขียนจะติดอันดับระบบการค้นหาของGoogleยากนะ เพราะอากู๋จะมองว่าเราทำตัวไม่น่ารัก
5.การใช้ภาษาควรถูกต้องเหมาะสม
แล้วดิฉันล่ะเขียนบล็อกทำไม?
เขียนเพื่อบันทึกเรื่องที่สนใจและนำเสนอหนังสืออินดี้
บางสิ่งที่เราได้ฟัง เราจะนำมาขบคิด
บางสิ่งที่เราได้อ่าน เราจะนำมาวิเคราะห์
บางสิ่งที่เราได้เห็น เราจะเริ่มมีความเชื่อ
บางสิ่งที่เราได้ทำ เราจะเริ่มมีความเข้าใจ
บางสิ่งที่เราทำอย่างได้ต่อเนื่อง เราจะรักมัน
บทความโดย:แก้วเกตุมณี@fitandfirmfamily
แก้ไขอัพเดทบทความ วันที่ มิถุนายน 02,2561