15เหตุผลว่าทำไมเราควรไปเดินป่าสักครั้งในชีวิต 15 Reasons to Love Hiking.

ป่ะ ไปเที่ยวป่ากัน สำหรับบล็อกนี้เราจะชวนคุณเข้าป่าเนื่องจากผู้เขียนเองเป็นคนที่ชื่นชอบการเที่ยวธรรมชาติ จึงตั้งใจมาเขียนเชียร์ให้คุณหาโอกาสไปเที่ยวป่ากันสักครั้งในชีวิต...เข้าป่านอนเต้นท์มันดีอย่างไร ไปลำบากลำบนแท้ๆชวนใครไปมีแต่คนส่ายหน้า การเดินป่ามีสองแบบคือ เดินแบบไปกลับและแบบค้างคืน ซึ่งถ้าเราอยากลองเดินดูเป็นครั้งแรกควรเลือกเส้นทางเดินป่าระยะสั้นที่สามารถเดินไปกลับได้ภายในวันเดียวก่อน เพื่อจะได้ตัดสินใจว่าเราอยากไปกลางเต้นท์นอนท่ามกลางป่าเขาจริงๆไหม
มาดูข้อดีและประโยชน์ของการเดินป่ากันดีกว่า ว่ามีอะไรกันบ้าง

 1.เรียนรู้

การเดินป่าทำให้เรียนรู้อยู่กับตัวเอง ได้ใช้ช่วงเวลากับความเงียบฟังเสียงหัวใจ อยู่กับความคิดและหลอมรวมความรู้สึกให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ตระหนักว่าเราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ  สังเกตสิ่งสวยงามที่อยู่รอบตัวก่อนถึงจุดหมายปลายทาง เรียนรู้กฎและเคารพธรรมชาติ เห็นคุณค่าต้นไม้ในป่า เห็นการพึ่งพาอาศัยกันของสัตว์ป่าข้างทาง เช่น นกและแมลงชนิดต่างๆ เราเรียนรู้ที่จะอนุรักษ์สัตว์และป่า ในวันที่วิทยาศาสตร์ไปไกลถึงการย้ายถิ่นฐานไปอยู่บนดาวอังคารแต่หลายครั้งที่เราก็อาจลืมมองย้อนกลับมาที่ภายในใจของตัวเอง

 2.ความสุข

การเดินป่าคือความสุขอย่างหนึ่ง เป็นความสุขที่ได้จากการซึมซับบรรยากาศ เป็นความสุขจากความสนุก (แม้จะเหนื่อยไปบ้าง)เป็นความสุขคล้ายกับตอนออกกำลังกายเพียงแค่เปลี่ยนสถานที่  

3.สุขภาพ

ก่อนที่จะเดินป่า สิ่งที่ต้องเตรียมคือสุขภาพความแข็งแรงของร่างกาย การเดินป่าช่วยทำให้หัวใจแข็งแรงจากการสูบฉีดเลือด บริหารปอดจากการได้สูดอากาศบริสุทธ์ น้ำหนักลดไปหลายกิโล ได้หุ่นดีหน้าเด็กดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องใช้ครีมใดๆ(ยกเว้นครีมกันแดด) 

4.ความคิดสร้างสรรค์

การเดินป่าช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เพราะในระหว่างเดินเราจะสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวไปด้วย และสีเขียวคือสีที่สื่อถึงความมีชีวิตชีวา ความสบายใจ การเกิดใหม่ บางคำตอบที่ติดค้างอยู่ในใจมานานกลับผุดขึ้นมาง่ายๆเพียงแค่เดินเงียบๆภายใต้สภาวะที่สมองว่างจากการคิด 

5.อากาศ

ออกซิเจนบริสุทธื์สะอาดคือขุมทรัพย์สำหรับชีวิต มันคือการเติมพลังที่เราได้รับจากธรรมชาติอย่างเต็มที่ ได้สูดหายใจอย่างเต็มปอด ทุกครั้งที่กลับไปหาธรรมชาติแล้วกลับออกมา เราจะเป็นคนใหม่เสมอ พลังจากธรรมชาติสร้างพลังในใจของเรา

6.สมาธิ

การเดินป่าคือการทำสมาธิอย่างหนึ่ง สมาธิบอกว่าปัจจุบันสำคัญที่สุด กาลเวลาหมุนผ่านแต่ประสบการณ์ยังคงอยู่ ความทรงจำหลายอย่างไหลเวียนผ่านมาและผ่านไป เก็บไว้เฉพาะเรื่องราวที่ดี เลือกที่จะจดจำเฉพาะเรื่องที่ให้พลัง ส่วนเรื่องที่ไม่น่าจดจำก็ลดความสำคัญมันลงไปบ้าง เดินไปข้างหน้าเพราะเวลาของมนุษย์นั้นต่างก็นับถอยหลังอยู่ตลอด

7.การแบ่งปัน

เราจะสามารถแบ่งปันได้แม้กับคนที่เราไม่รู้จัก เราจะไม่มามัวนั่งคิดว่าคนนั้นคนนี้จะเอาเปรียบเรา บางครั้งเราอาจจะยอมเสียเปรียบคนอื่นแต่เราก็ยังมีความสุขได้ ฝึกละทิ้งสิ่งที่เราไม่ใช้แล้วแต่ยังมีประโยชน์กับคนอื่น
เดินป่าระยะสั้นฟ้าห่มปก

8.ความมั่นใจ

เราจะเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าแสดงออก เมื่อได้มีโอกาสร่วมทริปกับชาวต่างชาติเราจะเข้าใจคำว่ามิตรภาพไร้พรมแดน ไม่จำเป็นต้องแสดงออกเป็นคำพูดเสมอไป เราใช้ภาษามือคุยกันได้และเป็นภาษาสากลที่ใช้ได้ทั่วโลก ทักษะการพูดคุยกับคนแปลกหน้าจะพัฒนาสูงขึ้น ความกลัวลดลง เราจะไม่บ่นว่า กลัวนั่น กลัวนี่ ไม่มีเพื่อนไปไม่ได้ เราจะสามารถไปได้ทุกที่ที่เราอยากไป โดยผ่านการวางแผนมาแล้ว

9.รู้จักเอาตัวรอด

คุณจะมีความสามารถในการอ่านคน วิเคราะห์คนมากขึ้น เพราะเวลาที่เราไปเที่ยวคนเดียวมักจะเจอคนหน้าใหม่ๆตลอด ทั้งคนที่หวังดีและคนที่หวังหลอก(ฟันเงินจากนักท่องเที่ยว)สิ่งที่ต้องมีติดตัวไปด้วยนอกจากสตางค์แล้วยังต้องพกสติติดตัวอยู่เสมอ การมีสติจะทำให้เราไม่ไหลไปกับอะไรง่ายๆ

10.กระชับความสัมพันธ์

ความสัมพันธ์ที่มั่นคง หนักแน่นส่วนหนึ่งล้วนมาจากการมีประสบการณ์ต่อเรื่องราวต่างๆร่วมกัน มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีจะปรับตัวเก่ง เหมือนน้ำที่ไม่ว่าจะไหลไปอยู่ที่ไหน ก็สามารถเปลี่ยนรูปไปตามภาชนะต่างได้ดี บางคนไปด้วยกันครั้งแรกครั้งเดียวก็ต้องแยกย้าย แต่สำหรับบางคนยังคงไปต่อได้อีกหลายๆทริป

11.ได้พบเพื่อนใหม่ๆ

การเดินป่าบางครั้งก็ทำให้เราได้รับความช่วยเหลือและมิตรภาพที่ดีจากเพื่อนร่วมทางที่ต่างก็เป็นคนแปลกหน้า ไปคนเดียว แต่ได้เพื่อนต่างวัยหัวใจเดียวกันกลับมา เป็นเพื่อนที่ชอบอะไรแบบเดียวกัน เข้าใจและคุยเรื่องเดียวกัน

12.ไม่กลัวความลำบาก

การเปลี่ยนจากห้องนอนสบายๆมานอนเต้นท์บ้าง นอกจากจะได้เปลี่ยนบรรยากาศแล้วยังได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ นอนกลางดิน กินท่ามกลางดวงดาว อาบไอหนาวของอากาศ บางคนกลัวความลำบากมาก แต่ชีวิตกลับต้องเจอกับความลำบากมากกว่าการเดินป่าเสียอีก  ฝึกตัดความสะดวกสบายออกจากชีวิตเพื่อเรียนรู้สิ่งจำเป็นพื้นฐานของชีวิตจริงๆ ลองตัดขาดจากสังคมในบางชั่วขณะ ตัดขาดจากสื่อโซเซียล ตัดขาดจากกิเลศที่คอยตามล่อหลอกเราเอาไว้ 

13.อยู่ได้ทุกสถานการณ์

คุณจะเป็นคนที่ปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ เข้ากับผู้คนได้หลายหลาย เพราะการเที่ยวแบบนี้ไม่ได้สะดวกสบาย บางครั้งต้องนอนเต้นท์ นอนเปล เจอยุง เจอแมลงหรือทาก และคำว่าเรื่องมากจะไม่มีสำหรับคนเที่ยวสไตล์นี้

14.เห็นแก่ส่วนรวม

การเดินป่าสอนให้รู้จักปรับตัว ต้องรู้จักยอมและยิดหยุ่นในบางโอกาส เพราะคำว่า "ทีม" สำคัญกว่า "ตัวฉันเพียงคนเดียว" การรู้จักช่วยเหลือแบ่งปัน แบ่งหน้าที่ เช่น กางเต้นท์ ทำอาหาร ทำความสะอาดความรับผิดชอบต่อกลุ่ม และธรรมชาติ ละวางความมีตัวตนทิ้งไปบ้าง สมาชิกในทีมมีความสำคัญเท่าเทียมกัน มันไม่ใช่แค่เราทำงานเสร็จแล้วกลับบ้านนอน แต่มันคือการเดินด้วยกัน การกินด้วยกัน การนอนด้วยกัน และการต้องช่วยเหลือกันในยามที่อีกคนพลาดหรือล้มลง

15.รู้จักปล่อยไปบ้าง

ไม่มีอะไรถูกใจเราได้ตลอด เราอาจจะได้เห็นอีกมุมที่มันต้องร้องว่า "เฮ้ย!แบบนี้มันก็ได้นี่หว่า"

ถ้าคุณอยากจะรู้จักใครสักคนมากขึ้นลองชวนเขาไปเดินป่ากับคุณสักทริปสิ
บทความโดย:แก้วเกตุมณี@fitandfirmfamily




โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เพิ่มน้ำหนักคนผอม

รวมคำถามในฟิตเนส(ที่ไม่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย)

เทรนเนอร์ฟิตเนสสำคัญยังไง ควรมีไหม?