เทรนเนอร์ฟิตเนสสำคัญยังไง ควรมีไหม?
"มีเรื่องปรึกษาค่ะเข้าฟิตเนสครั้งแรกควรจ้างเทรนเนอร์ดีไหม" "ออกกำลังกายเองมานานหุ่นยังดูย้วยๆอยู่เลย" เป็นคำถามเบสิคที่มีมาถามกันอยู่ตลอด คนตอบก็หลากหลายเช่นกัน ทุกคนตอบตามแนวทางของตนเองซึ่งไม่มีอะไรถูกหรือผิดนะคะเนื่องจากดิฉันมีช่วงเวลาที่เทรนด้วยตัวเองกับมีช่วงที่มีเทรนเนอร์ช่วยฝึกดิฉันจะช่วยตอบคำถามคุณอีกคนล่ะกันเพื่อเป็นแนวทางเพิ่มเติมต่อการตัดสินใจของคุณ
เข้าฟิตเนสจำเป็นต้องมีเทรนเนอร์ไหมคะ? ตอบ จำเป็นต้องมีค่ะ ในฟิตเนสต้องมีเทรนเนอร์ออนฟลอร์อยู่ประจำเพื่อคอยแนะนำวิธีการใช้เครื่องให้กับเราและแนะนำการออกกำลังกายเบื้องต้น รวมถึงความปลอดภัยของผู้ฝึก ส่วนจะมีการขายคอร์สเพิ่มเติมไหมนั่นเป็นเรื่องรองลงไป แล้วทีนี้ถามต่ออีกว่า
จำเป็นต้องจ้างไหม? ตอบ ไม่จำเป็นต้องจ้างค่ะ เพราะคุณสามารถสอบถามวิธีการฝึกหรือใช้เครื่องจากเทรนเนอร์ออนฟลอร์ได้ เขาจะช่วยแนะนำคุณแต่จะไม่ประกบหรือใช้เวลากับคุณมากนักเพราะต้องไปดูแลลูกค้าท่านอื่นๆด้วย เมื่อเขามาสอน แนะนำให้จดจำวิธีการเล่น การวางท่า ความรู้สึกขณะเกร็งกล้ามเนื้อในท่านั้นๆ หรือวิธีการเซฟตัวเองไว้ หากท่าไหนที่คิดว่ายากกลัวเล่นผิดฟอร์มแล้วไม่ได้กล้ามเนื้อก็อาจจะสอบถามเป็นครั้งๆไปนะคะ
คำว่าไม่จำเป็นต้องจ้างให้ประเมินจากตัวเราเองเป็นหลักค่ะ ว่าเราต้องการอะไร เรามีพื้นฐานมาดีไหม เป้าหมายในการฝึก งบประมาณ ความรู้ในการเล่นของเรามีพร้อมขนาดไหน การเล่นด้วยตัวเองจะทำให้เราบาดเจ็บจากการเล่นไหม เหล่านี้คือคำถามที่คุณต้องถามตัวเองก่อนนะ
ดิฉันเองในช่วงแรกไม่มีเทรนเนอร์ช่วยนะเรียนรู้และฝึกฝนด้วยตัวเองมาเป็นเวลาประมาณ 8เดือนก่อนเข้ายิม(ถึงวันนี้ก็3ปีแล้ว) เคยบาดเจ็บมาแล้วจากการฝึกด้วยตัวเองโดยบาดเจ็บที่สะโพกเส้นเอนอักเสบรุนแรงเดินไม่ได้ไปหลายวัน(คือใช้ขาข้างที่อักเสบไม่ได้เลย ขยับไม่ได้ กลัวมากตอนนั้น ต้องใช้ไม้ค้ำพยุงเดิน)แต่ยังดีที่ไม่ถึงกับฉีกขาด หลังจากเจ็บมาแล้วก็จำ ดิฉันจึงให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง เวลาที่เราฝึกเองเราจะเข้าใจจากประสบการณ์จริงแต่ดิฉันก็ยังต้องการเช็คว่าบางท่าที่เราฝึกนั้นถูกต้องจริงไหมนอกจากนี้ยังต้องการเรียนรู้เทคนิคเพิ่มเติมและส่วนตัวรู้สึกว่าบอดี้เวท ดัมเบล บาร์โหนที่ฝึกอยู่ คือเริ่มอยู่ตัวแล้วและน้ำหนักบาร์ที่ยกก็คงเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ได้ไม่มาก(ตอนฝึกเองยกได้มากสุด15กิโล บาร์)เลยตัดสินใจลองเข้ายิมดูได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยเพราะฉะนั้นการคิดที่จะมีโค้ชส่วนตัวก็นับเป็นตัวช่วยที่น่าสนใจ
หลังจากเข้ายิมเล่นเองได้สักพักดิฉันตัดสินใจให้มีเทรนเนอร์มาช่วนสอนแนะนำท่าเล่นในบางท่าที่ยังไม่เข้าฟอร์มมากนัก ท่าไหนฝึกมาถูกแล้วเค้าก็จะไม่มายุ่งกับเราค่ะปล่อยฝึกเอง หรือบางครั้งก็ให้มาช่วยเป็นสปอตเตอร์(spotter คนช่วยเซฟ)ในท่าที่อาจจะเป็นอันตรายหรือยกหนัก(เทรนเนอร์ที่โค้ชชิ่งให้ดิฉันมีประสบการณ์กว่า10ปี เป็นระดับมาสเตอร์) การมีมืออาชีพช่วยฝึกก็เหมือนมีที่ปรึกษาส่วนตัวทำให้คุณได้เทคนิคการฝึกที่ดี มุมการเล่น การวางท่า เช่นฝึกแขนบางท่าใช้แรงที่แขนเท่านั้นไม่ควรใช้ไหล่ช่วย หรือถ้าบางส่วนของร่างกายเรามีปัญหา เช่น ข้อเข่าทำsquatไม่ได้ โค้ชจะต้องมีวิธีเปลี่ยนให้เราไปฝึกในท่าอื่นทดแทน และสามารถพัฒนาส่วนที่เป็นปัญหาให้แข็งแรงขึ้นได้ อีกจุดที่สำคัญคือเราจะรู้ว่าเล่นท่านี้คือโฟกัสถูกแล้วนะ เล่นท่านี้คือโกงและโฟกัสผิดนะ เล่นแบบนี้เสี่ยงบาดเจ็บนะ เกร็ดเล็กๆน้อยเหล่านี้มีความสำคัญ คุณจะได้เทรนถูกวิธี ท่าสวย โฟกัสโดน ไม่บาดเจ็บ ความรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่มันทำงานตรงจุดมันได้ฟีลมาก ทำให้คุณไม่ต้องใช้เวลาในการฝึกนานแต่ให้ประสิทธิภาพมากกว่า สิ่งเหล่านี้เมื่อเราค่อยๆเรียนรู้ไป เราก็จะสามารถนำมาฝึกพัฒนาการเล่นของตัวเองและยังแนะนำผู้อื่นได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมว่าการออกกำลังกายนั้นเป้าหมายไม่ใช่เพื่อลดไขมันส่วนเกินเพียงอย่างเดียว หากแต่เรายังสามารถฝึกเพื่อเป้าหมายการเพิ่มน้ำหนักตัวได้อีกด้วย
3.มีประสบการณ์และความรู้ทางวิชาการทั้งในด้านการทำงานของร่างกาย(สรีระวิทยา,กายวิภาคศาสตร์)และโภชนาการ
4.ควรมีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา(ถ้าไม่จบทางด้านนี้มาก็ต้องเป็นคนชอบหาความรู้เพิ่มเติมใส่ตัวอยู่เสมอค่ะ)
5.การมีใบรับรองจะช่วยเพิ่มความเชื่อถือได้ หรือหากไม่มีควรมีประสบการณ์สูงเป็นผู้ศึกษาหาความรู้แล้วนำมาพัฒนาตัวเองตลอดเวลาหรืออาจจะผ่านการประกวดมาแล้วก็ได้
6.สามารถแก้ไขปัญหา ผลักดันลูกค้าไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ สร้างกำลังใจและแรงกระตุ้นให้มีการฝึกอย่างต่อเนื่อง
ราคาค่าจ้างเทรนเนอร์คิดยังไง แพงไหม? ตอบ มีตั้งแต่ราคา 300-2500บาท ต่อชั่วโมงขึ้นอยู่กับชนิดกีฬา ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ
เทรนเนอร์แนวไหนคือเทรนเนอร์ในดวงใจของคุณ ?
1.เทรนเนอร์ขาโหด แนวนี้จะชอบให้มือใหม่ฝึกหนักกันก่อนเลย ไฟแรงมากกส์ มีความมุ่งมั่นสูง เกรี้ยวกราดนิดๆ มักมีแรงกระตุ้นให้นักเรียนตลอด ทำให้นักเรียนalertตลอดเวลา ผลักดันและให้กำลังใจแนวดุดันเรียกว่าถ้าได้ฝึกกับนางไฟลุกตลอด😅
2.เทรนเนอร์โลกสวย เทรนเนอร์สายนี้คือได้หมดถ้า(นักเรียนสดชื่น)ตามใจลูกค้า เอาใจใส่ พูดเพราะไม่ก้าวร้าว มีชีวิตชีวาตลอด ให้กำลังใจเก่ง นักเรียนที่ฝึกจะดูสบายใจเมื่อได้ฝึกกับเทรนเนอร์ประเภทนี้😁
3.เทรนเนอร์สายชิว สายนี้เน้นออกสบายๆ ชิวทั้งลูกค้าชิวทั้งเทรนเนอร์ ฝึกท่านี้อยู่ดีๆหาย หรือสอนท่านี้อยู่ดีๆ แว้บไปเม้าท์กับอีกคน หรือนักเรียนเข้าฟอร์มแล้วนางอาจแวะไปชิวกับนักเรียนคนอื่นได้อีก เทรนเนอร์สายนี้จะมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก ให้กำลังใจเป็น ปล่อยนักเรียนเล่นเองบ้างในบางครั้ง 😌
4.เทรนเนอร์สายเปรียบเทียบ เทรนเนอร์แนวนี้จะมีความมั่นใจในตัวเองสูง(กว่าปกติระดับนึง)จะมีการเปรียบเทียบหุ่นเรากับกับนักเรียนคนอื่นที่หุ่นดี ใช้การเปรียบเทียบในการให้กำลังใจและอาจจะใช้การกดดันในการฝึก ปากร้ายนิดๆ😑
5.เทรนเนอร์สายกลาง แนวนี้คือแบบผสมผสานสายนี้จะเป็นเทรนเนอร์สายเข้าใจในตัวผู้อื่นสูง เข้าใจความแตกต่างและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล รู้ว่าตอนไหนควรแสดงบทโหดและตอนไหนควรให้กำลังใจหรือตอนไหนควรใช้แรงกระตุ้น เพื่อให้นักเรียนมีไฟในการเล่นตลอด โหดบ้าง เล่นบ้าง ใส่ใจและให้กำลังใจเก่ง มีจิตวิทยาสูงสอนฝึกปรับไปตามความต้องการของนักเรียน
6.เทรนเนอร์สายแข็งฮาร์ดเซล ขายเก่ง ขายหนัก โปรโมทคอร์สเก่งมาก ขายตรงไม่อ้อมค้อม งานขายเป็นหลักงานเทรนเป็นรอง มีจิตวิทยาการขาย รู้ตัวอีกทีซื้อคอร์สกับนางไปแล้ว 😏
เทรนเนอร์มีกี่ประเภท?อันนี้ดิฉันขอเพิ่มข้อสามไปอีกข้อนะ
1.เทรนเนอร์ประจำตามฟิตเนส แนะนำ ฝึก ขายคอร์ส อยู่ประจำตามฟิตเนสดังครบวงจร มีหลากหลายคลาสให้เลือกเล่น มีทั้งครูสอนเต้น โยคะ พิลาทิส โซนเวท ซุมบ้า มวยไทยฯลฯ หลายระดับชั้นทั้งชายหญิง
2.เทรนเนอร์อิสระ แนะนำ ฝึก ย้ายไปเรื่อยๆตามความต้องการของลูกค้า เน้นสอนออกกำลังกายตามบ้าน คอนโด หรือสถานที่ภายนอกที่ลูกค้าสะดวกฝึก มีหลายระดับเช่นกัน
3.เทรนเนอร์ประจำยิมเพาะกาย แนะนำ ฝึก ประจำตามยิมเพาะกายแถวบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายกล้ามโตและยิมแนวนี้ผู้ชายจะเล่นเยอะกว่าผู้หญิงเพราะออกแนวเพาะกล้ามจริงจัง อุปกรณ์เวทและเครื่องเล่นมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
เทรนเนอร์มีหน้าที่ทำอะไรบ้างนะ?
1.จัดโปรแกรมการเล่นให้เหมาะสมกับร่างกายลูกค้า ทำการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย หากคุณไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเลยเทรนเนอร์ต้องแนะนำโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับคุณได้
2.จัดโปรแกรมอาหาร
3.ดูแลความปลอดภัยในการฝึก แนะนำท่าเล่น การออกแรง การหายใจ
4.สอนการใช้เครื่องและอุปกรณ์ที่ถูกต้อง
5.ติดตามผลการฝึกเป็นระยะ
วิธีการเลือกเทรนเนอร์
ควรเลือกฝึกกับเทรนเนอร์ที่คุณคุยแล้วรู้สึกสบายใจ เข้ากับนิสัยของคุณได้ดีแล้วค่อยพิจารณาคุณสมบัติด้านอื่นๆต่อไป
เมื่อคุณฝึกไปแล้วไม่สะดวกฝึกต่อไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตามสามารถขอเปลี่ยนเทรนเนอร์ได้ค่ะ
คำถามเพิ่มเติม
อ้าวแล้วถ้าอย่างนี้ไม่มีเทรนเนอร์ส่วนตัวฉันก็จะไม่มีวันเป๊ะเวอร์แบบนางแบบนะสิ ใช่ไหม? คำตอบคือ ไม่ใช่ค่ะ คนธรรมดาก็สามารถเป๊ะได้ มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริงของคุณ ความเอาใจใส่ การรู้จักร่างกายตัวเองทั้งในจุดเด่นและจุดด้อย เล่นเพิ่มจุดเด่นให้สวยขึ้น ปรับจุดที่ด้อยให้ดูดีขึ้น ปรับหุ่นให้บุคลิกดูสมส่วน เช่น เราเป็นคนตัวเล็กไม่มีก้นเราก็ต้องเล่นเสริมท่าบริหารกล้ามเนื้อก้นเข้าไปในวันฝึกแล้วไขมันโดยรวมในร่างกายคุณจะค่อยๆลดลงเอง
ก่อนจบดิฉันมีทิปเล็กๆน้อยๆมาฝากชาวอินดี้กันนิดนึง(special tips)
ในยิมจะมีพวกที่เล่นเก่งๆสิงอยู่ พยายามหาให้เจอแล้วขอคำแนะนำจากคนกลุ่มนี้ได้ค่ะ ถ้าเค้าพักเซ็ทลองเข้าไปถามได้ส่วนใหญ่ยินดีแนะนำมากๆกันอยู่แล้วล่ะ
หรือถ้าคุณมีเพื่อนที่เป็นแฟนพันธ์แท้ทางด้านนี้คุณไม่จำเป็นต้องมีเทรนเนอร์ก็ได้เพราะบางคนนี่ความรู้ความสามารถเป็นโค้ชที่ปรึกษาและแนะนำคุณได้ดีเลยทีเดียว
ท้ายสุดนี้อยากฝากไว้เพียงสองข้อ
1.หากต้องการฝึกด้วยตัวเองแล้วประสบความสำเร็จต้องประกอบด้วย ความมีวินัย ความทุ่มเท ขยันหาความรู้เพิ่มเติม และฝึกด้วยความสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง
2.ถ้าคิดว่าตัวเองไม่มีความรู้พิ้นฐานเลยและไม่มั่นใจเท่าไหร่ที่จะเล่นเอง คุณอาจจะต้องใช้เทรนเนอร์ออนฟลอร์หรือซื้อคอร์สเล็กๆ สักหนึ่งคอร์สก็ได้เพื่อเป็นแนวทางในการฝึกค่ะ หลังจากนั้นคุณค่อยไปฝึกเพิ่มเติมด้วยตัวเองต่อไป
คุณชอบหุ่นแบบไหน ผอมเพรียวแบบคนสุขภาพดี มีกล้ามเนื้อแบบนักกีฬา หรืออยากแค่ลดไขมันส่วนเกิน ได้หมดเพียงแค่ลงมือทำมันซะ ทำเดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอ คุณจะเลือกทางไหนก็ได้ทั้งนั้นเพราะคุณมีอิสระในการเลือก ฉะนั้นเลือกในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเองนะคะ
ผู้เขียน: แก้วเกตุมณี@fitandfirmfamily
ขอบคุณรูปประกอบบทความจาก pixabay.com
เข้าฟิตเนสจำเป็นต้องมีเทรนเนอร์ไหมคะ? ตอบ จำเป็นต้องมีค่ะ ในฟิตเนสต้องมีเทรนเนอร์ออนฟลอร์อยู่ประจำเพื่อคอยแนะนำวิธีการใช้เครื่องให้กับเราและแนะนำการออกกำลังกายเบื้องต้น รวมถึงความปลอดภัยของผู้ฝึก ส่วนจะมีการขายคอร์สเพิ่มเติมไหมนั่นเป็นเรื่องรองลงไป แล้วทีนี้ถามต่ออีกว่า
จำเป็นต้องจ้างไหม? ตอบ ไม่จำเป็นต้องจ้างค่ะ เพราะคุณสามารถสอบถามวิธีการฝึกหรือใช้เครื่องจากเทรนเนอร์ออนฟลอร์ได้ เขาจะช่วยแนะนำคุณแต่จะไม่ประกบหรือใช้เวลากับคุณมากนักเพราะต้องไปดูแลลูกค้าท่านอื่นๆด้วย เมื่อเขามาสอน แนะนำให้จดจำวิธีการเล่น การวางท่า ความรู้สึกขณะเกร็งกล้ามเนื้อในท่านั้นๆ หรือวิธีการเซฟตัวเองไว้ หากท่าไหนที่คิดว่ายากกลัวเล่นผิดฟอร์มแล้วไม่ได้กล้ามเนื้อก็อาจจะสอบถามเป็นครั้งๆไปนะคะ
คำว่าไม่จำเป็นต้องจ้างให้ประเมินจากตัวเราเองเป็นหลักค่ะ ว่าเราต้องการอะไร เรามีพื้นฐานมาดีไหม เป้าหมายในการฝึก งบประมาณ ความรู้ในการเล่นของเรามีพร้อมขนาดไหน การเล่นด้วยตัวเองจะทำให้เราบาดเจ็บจากการเล่นไหม เหล่านี้คือคำถามที่คุณต้องถามตัวเองก่อนนะ
ดิฉันเองในช่วงแรกไม่มีเทรนเนอร์ช่วยนะเรียนรู้และฝึกฝนด้วยตัวเองมาเป็นเวลาประมาณ 8เดือนก่อนเข้ายิม(ถึงวันนี้ก็3ปีแล้ว) เคยบาดเจ็บมาแล้วจากการฝึกด้วยตัวเองโดยบาดเจ็บที่สะโพกเส้นเอนอักเสบรุนแรงเดินไม่ได้ไปหลายวัน(คือใช้ขาข้างที่อักเสบไม่ได้เลย ขยับไม่ได้ กลัวมากตอนนั้น ต้องใช้ไม้ค้ำพยุงเดิน)แต่ยังดีที่ไม่ถึงกับฉีกขาด หลังจากเจ็บมาแล้วก็จำ ดิฉันจึงให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง เวลาที่เราฝึกเองเราจะเข้าใจจากประสบการณ์จริงแต่ดิฉันก็ยังต้องการเช็คว่าบางท่าที่เราฝึกนั้นถูกต้องจริงไหมนอกจากนี้ยังต้องการเรียนรู้เทคนิคเพิ่มเติมและส่วนตัวรู้สึกว่าบอดี้เวท ดัมเบล บาร์โหนที่ฝึกอยู่ คือเริ่มอยู่ตัวแล้วและน้ำหนักบาร์ที่ยกก็คงเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ได้ไม่มาก(ตอนฝึกเองยกได้มากสุด15กิโล บาร์)เลยตัดสินใจลองเข้ายิมดูได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยเพราะฉะนั้นการคิดที่จะมีโค้ชส่วนตัวก็นับเป็นตัวช่วยที่น่าสนใจ
หลังจากเข้ายิมเล่นเองได้สักพักดิฉันตัดสินใจให้มีเทรนเนอร์มาช่วนสอนแนะนำท่าเล่นในบางท่าที่ยังไม่เข้าฟอร์มมากนัก ท่าไหนฝึกมาถูกแล้วเค้าก็จะไม่มายุ่งกับเราค่ะปล่อยฝึกเอง หรือบางครั้งก็ให้มาช่วยเป็นสปอตเตอร์(spotter คนช่วยเซฟ)ในท่าที่อาจจะเป็นอันตรายหรือยกหนัก(เทรนเนอร์ที่โค้ชชิ่งให้ดิฉันมีประสบการณ์กว่า10ปี เป็นระดับมาสเตอร์) การมีมืออาชีพช่วยฝึกก็เหมือนมีที่ปรึกษาส่วนตัวทำให้คุณได้เทคนิคการฝึกที่ดี มุมการเล่น การวางท่า เช่นฝึกแขนบางท่าใช้แรงที่แขนเท่านั้นไม่ควรใช้ไหล่ช่วย หรือถ้าบางส่วนของร่างกายเรามีปัญหา เช่น ข้อเข่าทำsquatไม่ได้ โค้ชจะต้องมีวิธีเปลี่ยนให้เราไปฝึกในท่าอื่นทดแทน และสามารถพัฒนาส่วนที่เป็นปัญหาให้แข็งแรงขึ้นได้ อีกจุดที่สำคัญคือเราจะรู้ว่าเล่นท่านี้คือโฟกัสถูกแล้วนะ เล่นท่านี้คือโกงและโฟกัสผิดนะ เล่นแบบนี้เสี่ยงบาดเจ็บนะ เกร็ดเล็กๆน้อยเหล่านี้มีความสำคัญ คุณจะได้เทรนถูกวิธี ท่าสวย โฟกัสโดน ไม่บาดเจ็บ ความรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่มันทำงานตรงจุดมันได้ฟีลมาก ทำให้คุณไม่ต้องใช้เวลาในการฝึกนานแต่ให้ประสิทธิภาพมากกว่า สิ่งเหล่านี้เมื่อเราค่อยๆเรียนรู้ไป เราก็จะสามารถนำมาฝึกพัฒนาการเล่นของตัวเองและยังแนะนำผู้อื่นได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมว่าการออกกำลังกายนั้นเป้าหมายไม่ใช่เพื่อลดไขมันส่วนเกินเพียงอย่างเดียว หากแต่เรายังสามารถฝึกเพื่อเป้าหมายการเพิ่มน้ำหนักตัวได้อีกด้วย
เทรนเนอร์มีความสำคัญต่อผู้ฝึกอย่างไรคะ? ตอบ เค้าคือผู้ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นและควรมีคุณบัติดังนี้
คุณสมบัติที่ดีของเทรนเนอร์ควรประกอบไปด้วย
1.ใส่ใจต่อความต้องการของลูกค้า สามารถทำให้ผู้เรียนตระหนักถึงความสำคัญของร่างกายได้ด้วยตัวเอง2.ใจเย็น มีความอดทนสูง มีทัศนคติในทางบวก เปิดใจรับความคิดเห็นที่แตกต่างได้ เป็นที่ปรึกษาที่ดี ตรงต่อเวลา
3.มีประสบการณ์และความรู้ทางวิชาการทั้งในด้านการทำงานของร่างกาย(สรีระวิทยา,กายวิภาคศาสตร์)และโภชนาการ
4.ควรมีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา(ถ้าไม่จบทางด้านนี้มาก็ต้องเป็นคนชอบหาความรู้เพิ่มเติมใส่ตัวอยู่เสมอค่ะ)
5.การมีใบรับรองจะช่วยเพิ่มความเชื่อถือได้ หรือหากไม่มีควรมีประสบการณ์สูงเป็นผู้ศึกษาหาความรู้แล้วนำมาพัฒนาตัวเองตลอดเวลาหรืออาจจะผ่านการประกวดมาแล้วก็ได้
6.สามารถแก้ไขปัญหา ผลักดันลูกค้าไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ สร้างกำลังใจและแรงกระตุ้นให้มีการฝึกอย่างต่อเนื่อง
ราคาค่าจ้างเทรนเนอร์คิดยังไง แพงไหม? ตอบ มีตั้งแต่ราคา 300-2500บาท ต่อชั่วโมงขึ้นอยู่กับชนิดกีฬา ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ
เทรนเนอร์แนวไหนคือเทรนเนอร์ในดวงใจของคุณ ?
1.เทรนเนอร์ขาโหด แนวนี้จะชอบให้มือใหม่ฝึกหนักกันก่อนเลย ไฟแรงมากกส์ มีความมุ่งมั่นสูง เกรี้ยวกราดนิดๆ มักมีแรงกระตุ้นให้นักเรียนตลอด ทำให้นักเรียนalertตลอดเวลา ผลักดันและให้กำลังใจแนวดุดันเรียกว่าถ้าได้ฝึกกับนางไฟลุกตลอด😅
2.เทรนเนอร์โลกสวย เทรนเนอร์สายนี้คือได้หมดถ้า(นักเรียนสดชื่น)ตามใจลูกค้า เอาใจใส่ พูดเพราะไม่ก้าวร้าว มีชีวิตชีวาตลอด ให้กำลังใจเก่ง นักเรียนที่ฝึกจะดูสบายใจเมื่อได้ฝึกกับเทรนเนอร์ประเภทนี้😁
3.เทรนเนอร์สายชิว สายนี้เน้นออกสบายๆ ชิวทั้งลูกค้าชิวทั้งเทรนเนอร์ ฝึกท่านี้อยู่ดีๆหาย หรือสอนท่านี้อยู่ดีๆ แว้บไปเม้าท์กับอีกคน หรือนักเรียนเข้าฟอร์มแล้วนางอาจแวะไปชิวกับนักเรียนคนอื่นได้อีก เทรนเนอร์สายนี้จะมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก ให้กำลังใจเป็น ปล่อยนักเรียนเล่นเองบ้างในบางครั้ง 😌
4.เทรนเนอร์สายเปรียบเทียบ เทรนเนอร์แนวนี้จะมีความมั่นใจในตัวเองสูง(กว่าปกติระดับนึง)จะมีการเปรียบเทียบหุ่นเรากับกับนักเรียนคนอื่นที่หุ่นดี ใช้การเปรียบเทียบในการให้กำลังใจและอาจจะใช้การกดดันในการฝึก ปากร้ายนิดๆ😑
5.เทรนเนอร์สายกลาง แนวนี้คือแบบผสมผสานสายนี้จะเป็นเทรนเนอร์สายเข้าใจในตัวผู้อื่นสูง เข้าใจความแตกต่างและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล รู้ว่าตอนไหนควรแสดงบทโหดและตอนไหนควรให้กำลังใจหรือตอนไหนควรใช้แรงกระตุ้น เพื่อให้นักเรียนมีไฟในการเล่นตลอด โหดบ้าง เล่นบ้าง ใส่ใจและให้กำลังใจเก่ง มีจิตวิทยาสูงสอนฝึกปรับไปตามความต้องการของนักเรียน
6.เทรนเนอร์สายแข็งฮาร์ดเซล ขายเก่ง ขายหนัก โปรโมทคอร์สเก่งมาก ขายตรงไม่อ้อมค้อม งานขายเป็นหลักงานเทรนเป็นรอง มีจิตวิทยาการขาย รู้ตัวอีกทีซื้อคอร์สกับนางไปแล้ว 😏
เทรนเนอร์มีกี่ประเภท?อันนี้ดิฉันขอเพิ่มข้อสามไปอีกข้อนะ
1.เทรนเนอร์ประจำตามฟิตเนส แนะนำ ฝึก ขายคอร์ส อยู่ประจำตามฟิตเนสดังครบวงจร มีหลากหลายคลาสให้เลือกเล่น มีทั้งครูสอนเต้น โยคะ พิลาทิส โซนเวท ซุมบ้า มวยไทยฯลฯ หลายระดับชั้นทั้งชายหญิง
2.เทรนเนอร์อิสระ แนะนำ ฝึก ย้ายไปเรื่อยๆตามความต้องการของลูกค้า เน้นสอนออกกำลังกายตามบ้าน คอนโด หรือสถานที่ภายนอกที่ลูกค้าสะดวกฝึก มีหลายระดับเช่นกัน
3.เทรนเนอร์ประจำยิมเพาะกาย แนะนำ ฝึก ประจำตามยิมเพาะกายแถวบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายกล้ามโตและยิมแนวนี้ผู้ชายจะเล่นเยอะกว่าผู้หญิงเพราะออกแนวเพาะกล้ามจริงจัง อุปกรณ์เวทและเครื่องเล่นมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
เทรนเนอร์มีหน้าที่ทำอะไรบ้างนะ?
1.จัดโปรแกรมการเล่นให้เหมาะสมกับร่างกายลูกค้า ทำการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย หากคุณไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเลยเทรนเนอร์ต้องแนะนำโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับคุณได้
2.จัดโปรแกรมอาหาร
3.ดูแลความปลอดภัยในการฝึก แนะนำท่าเล่น การออกแรง การหายใจ
4.สอนการใช้เครื่องและอุปกรณ์ที่ถูกต้อง
5.ติดตามผลการฝึกเป็นระยะ
วิธีการเลือกเทรนเนอร์
ควรเลือกฝึกกับเทรนเนอร์ที่คุณคุยแล้วรู้สึกสบายใจ เข้ากับนิสัยของคุณได้ดีแล้วค่อยพิจารณาคุณสมบัติด้านอื่นๆต่อไป
เมื่อคุณฝึกไปแล้วไม่สะดวกฝึกต่อไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตามสามารถขอเปลี่ยนเทรนเนอร์ได้ค่ะ
คำถามเพิ่มเติม
อ้าวแล้วถ้าอย่างนี้ไม่มีเทรนเนอร์ส่วนตัวฉันก็จะไม่มีวันเป๊ะเวอร์แบบนางแบบนะสิ ใช่ไหม? คำตอบคือ ไม่ใช่ค่ะ คนธรรมดาก็สามารถเป๊ะได้ มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริงของคุณ ความเอาใจใส่ การรู้จักร่างกายตัวเองทั้งในจุดเด่นและจุดด้อย เล่นเพิ่มจุดเด่นให้สวยขึ้น ปรับจุดที่ด้อยให้ดูดีขึ้น ปรับหุ่นให้บุคลิกดูสมส่วน เช่น เราเป็นคนตัวเล็กไม่มีก้นเราก็ต้องเล่นเสริมท่าบริหารกล้ามเนื้อก้นเข้าไปในวันฝึกแล้วไขมันโดยรวมในร่างกายคุณจะค่อยๆลดลงเอง
ก่อนจบดิฉันมีทิปเล็กๆน้อยๆมาฝากชาวอินดี้กันนิดนึง(special tips)
ในยิมจะมีพวกที่เล่นเก่งๆสิงอยู่ พยายามหาให้เจอแล้วขอคำแนะนำจากคนกลุ่มนี้ได้ค่ะ ถ้าเค้าพักเซ็ทลองเข้าไปถามได้ส่วนใหญ่ยินดีแนะนำมากๆกันอยู่แล้วล่ะ
หรือถ้าคุณมีเพื่อนที่เป็นแฟนพันธ์แท้ทางด้านนี้คุณไม่จำเป็นต้องมีเทรนเนอร์ก็ได้เพราะบางคนนี่ความรู้ความสามารถเป็นโค้ชที่ปรึกษาและแนะนำคุณได้ดีเลยทีเดียว
1.หากต้องการฝึกด้วยตัวเองแล้วประสบความสำเร็จต้องประกอบด้วย ความมีวินัย ความทุ่มเท ขยันหาความรู้เพิ่มเติม และฝึกด้วยความสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง
2.ถ้าคิดว่าตัวเองไม่มีความรู้พิ้นฐานเลยและไม่มั่นใจเท่าไหร่ที่จะเล่นเอง คุณอาจจะต้องใช้เทรนเนอร์ออนฟลอร์หรือซื้อคอร์สเล็กๆ สักหนึ่งคอร์สก็ได้เพื่อเป็นแนวทางในการฝึกค่ะ หลังจากนั้นคุณค่อยไปฝึกเพิ่มเติมด้วยตัวเองต่อไป
คุณชอบหุ่นแบบไหน ผอมเพรียวแบบคนสุขภาพดี มีกล้ามเนื้อแบบนักกีฬา หรืออยากแค่ลดไขมันส่วนเกิน ได้หมดเพียงแค่ลงมือทำมันซะ ทำเดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอ คุณจะเลือกทางไหนก็ได้ทั้งนั้นเพราะคุณมีอิสระในการเลือก ฉะนั้นเลือกในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเองนะคะ
ผู้เขียน: แก้วเกตุมณี@fitandfirmfamily
ขอบคุณรูปประกอบบทความจาก pixabay.com
